อีกหนึ่งผลงานจากค่าย Ubisoft ที่เข็นเกมชื่อดังออกมาทุกปี ครั้งนี้ก็เป็นคิวของซีรี่ส์ที่ออกมารายปีอย่าง Assassin’s Creed บนโลกพื้นหลังกับตำนานของชาวไวกิ้ง ผ่านชีวิตของตัวเอกอย่าง “เอโวร์” (Eivor) ใน Assassin’s Creed Valhalla
เกม Assassin’s Creed เป็นแฟนไชรส์เกมที่อยู่คู่กับ Ubisoft มายาวนานร่วม 13 ปีเข้าไปแล้ว ทุกๆครั้งที่เข็นเกมแฟนไชรส์นี้ออกมาโลกพื้นหลังก็จะเปลี่ยนไปทุกครั้ง มีตั้งแต่ยุคกรีกโบราณ ยุคอียีปต์ หรือยุคกลางเรเนซองค์ของฝรั่งเศส และครั้งนี้ก็ย้อนกลับไปถึงศตวรรษที่ 9 กับโลกของชาวไวกิ้ง
สิ่งที่น่าสนใจใน Assassin’s Creed Valhalla นั้นมีอยู่มากมายแน่นอนว่ามันสานต่อความสำเร็จจากเกมเมื่อปีที่แล้วอย่างภาค Odyssey ที่ทำให้ตัวเกมมีระบบคล้ายกับเกมแนว RPG Open World มากขึ้น มีทั้งระบบคราฟต์ของ ระบบตัวเลือกที่ส่งผลต่อเนื้อเรื่อง แม้ว่าครั้งนี้จะยังคงใช้ Game Engine เดิมอย่าง AnvilNext 2.0 ที่เคยใช้ในภาค Odyssey และ Origins และอีกหลายๆภาค แต่ก็ยังคงมีการอัพเกรดทั้งงานภาพกราฟฟิคและ ลูกเล่นของตัวเกมอย่างต่อเนื่อง และยังคงสานต่อรีดประสิทธิภาพให้ตัวเกมเรียกได้ว่าเป็นตัวปิดฉากให้เกม Generationเก่าได้อย่างสวยงาม
พูดถึงรายละเอียดของตัวเกม Assassin’s Creed Valhalla เราจะเล่นผ่านตัวละคนเอกอย่าง Eivor และสามารถเลือกเพศของตัวละครได้ตั้งแต่เริ่มเกม และการเลือกเพศไม่ได้ส่งผลต่อเนื้อเรื่องใดๆ โดยตัวเกมมีเนื้อเรื่องหลักที่ยาวถึง 40 ชั่วโมงเกมเพลย์ นอกจากเนื้อเรื่องที่ยาวขนาดนี้แล้วตัวเกมยังมี Side quest ที่รองรับแบบเยอะมากๆยังมีสมบัติและ Puzzle ต่างๆตามแมพอีกมากมายถึงขนาดที่ค่ายเกมเองก็เคลมไว้ว่าจะทำเป้าหมายทุกอย่างให้คอมพลีททั้ง 100% อาจจะต้องใช้เวลาถึง 100+ ชั่วโมงเลยทีเดียว และในภาคนี้ยังคงชูโรงด้วยระบบการเลือกแนวทางที่ส่งผลต่อเนื้อเรื่อง ทำให้เรารู้สึกอินไปกับเนื้อเรื่องมากขึ้น เพื่อให้เราเข้าใจอารยธรรมต่างๆ ความป่าเถื่อนที่เกิดขึ้นในช่วงสมัยไวกิ้ง การตัดสินใจของเราจะมีผลตั้งแต่จุดเล็กๆไปจนถึงจุดที่ใหญ่มากๆภายในเกม ตัวเกมในภาคนี้อาจจะไม่ได้มาแนว รอบเร้นเหมือนหลายๆภาคก่อนหน้า แต่ยึดตามยุทธศาสตร์ไวกิ้งเป็นสำคัญที่ให้โฟกัสไปกับการขยายอาณาเขตของดินแดน เพื่อนำค่าประสบการณ์ต่างๆมาอัพสกิลตามแนวทางการเล่นที่ชื่นชอบของผู้เล่นได้อีกด้วย ผู้เล่นสามารถเลือกได้ว่าจะเป็นตัวละครสายลอบสังหาร สายบู๊ หรือเป็นสายวางกับดักก็สามารถเลือกได้ด้วยตนเอง รวมไปถึงการอัพเกรดอุปกรณ์ต่างๆ ที่เพิ่มค่าสเตตัสที่จำเป็นของแต่ละสาย ตัวเกมในครั้งนี้จะแบ่ง พื้นที่ของตัวเกมตามระบบเลเวลเรียกได้ว่าเป็นสายบู๊ตามเนื้อเรื่องอย่างเดียวไม่ได้ต้องใช้เวลาฟาร์มของเพื่อทำให้ตัวละครเก่งขึ้นไปอีกก่อนที่จะปลดล็อคพื้นที่ถัดไป
แม้ว่า Assassin’s Creed Valhalla นั้นจะเป็นเกมที่ลงให้กับเครื่องเกม Console generation หน้าอย่าง PS5 และ Xbox Series ด้วยก็ตามแต่การรีดประสิทธิภาพสูงสุดของ Game Engine ก็ดูเหมือนว่าจะยังคงมีปัญหาให้พบเห็นอยู่บ้าง อาการ Bug หรือ Glitch ต่างๆอย่างการ Render Texture ก็มีให้พบเห็นอยู่บ่อยๆ แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกับการเล่นเกมมากเท่าไหร่ แต่งานด้านเสียงและ งานอาร์ตยังคงทำได้ตามมาตรฐานของ Assassin’s Creed